ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ‘ซินแสโชกุน’ 4,355 ปี คดีขายตรง-ตุ๋นพาทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก ‘ซินแสโชกุน’ 4,355 ปี คดีขายตรง-ตุ๋นพาทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนตามชั้นศาลต้น จำคุก ซินแสโชกุน 4,355 ปี จากการชักชวนขายอาหารเสริม โดยหลอกพาทัวร์ญี่ปุ่น แต่สุดท้ายเทกลางสุวรรณภูมิ วันนี้ (12 มี.ค.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2176/2560 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด โดยน.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน อายุ 34 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ร่วมกับจำเลยอีก 9 ราย ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 3, 4, 12

ฟ้องจำเลยที่ 2-10 ในความผิดฐานร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 

ซึ่งข้อมูลนั้นเป็นเท็จน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 (1) และเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210

ขณะที่ บจก.เวลท์เอเวอร์ และ น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่ 1-2 ยังถูกฟ้องอีกในข้อหาร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 4, 6 (10), 51 และยังฟ้อง น.ส.พสิษฐ์ จำเลยที่ 2 ในความผิดฐานซื้อหรือรับไว้ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงอากรฯ ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ด้วย

ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2561 ว่า การกระทำของ บจก.เวลท์เอเวอร์ จำเลยที่ 1 (ซินแสโชกุน), 2, 5, 8 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เฉพาะจำเลยที่ 1-2 ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป ซึ่งการกระทำฐานฉ้อโกงและการนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น ให้ลงโทษบทหนักสุดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมฯ จำเลยที่ 1, 5 และ 8 คนละ 871 กระทง ๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 4,355 ปี ให้ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 435,500,000 บาท และให้ปรับจำเลยที่ 1-2 รายละ 20,000 ตามความผิด พ.ร.บ.อาหาร จึงรวมโทษปรับบริษัทจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 435,520,000 บาท ส่วนโทษจำคุกจำเลยที่ 2, 5, 8 เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (2) แล้ว ให้จำคุกจำเลยได้สูงสุดคนละ 20 ปี

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2, 5, 8 ร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 871 ราย มูลค่ากว่า 51 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง 6 ก.ค. 2560 เป็นต้นไป ริบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของกลางจากรถยนต์ของจำเลยที่ 2 และจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับกุมจำเลยที่ 2, 5, 8 ร้อยละ 25 ของค่าปรับจำเลยที่ 1 เมื่อคดีถึงที่สุด ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4, 6, 7, 9, 10

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนอุทธรณ์ของซินแสโชกุน ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ส่วนที่อัยการโจทก์อุทธรณ์ นางประนอม จำเลยที่ 6 และ น.ส.สุดารัตน์ จำเลยที่ 9 กระทำผิดตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์นั้น เห็นว่า เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของจำเลยที่ 1-2 มีการโฆษณากล่าวอ้างว่าสามารถพาไปเที่ยวต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง การทำธุรกิจนี้มีการจัดประชุมและสัมมนาหลายครั้ง จำเลยที่ 6, 9 ซึ่งเป็นรองประธานบริษัทและพนักงานบริษัท ได้เข้าร่วมประชุมหลายครั้ง น่าจะทราบว่าการดำเนินธุรกิจของจำเลยที่ 1-2 ไม่สามารถทำได้ แต่ก็ยังร่วมกันช่วยเหลือให้ดำเนินการต่อไปได้ และหากจำเลยที่ 5, 6, 8, 9 เชื่อมั่นว่าตนเองบริสุทธิ์จริง ก็ควรจะเข้ามอบตัวสู้คดีกับพนักงานสอบสวน แต่กลับเดินทางไปที่ จ.ระนอง พร้อมกับจำเลยที่ 2

ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยที่ 6, 9 นั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 5, 6, 8, 9 เป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1-2 ให้กระทำความผิด ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษบทหนักสุด ตาม พ.ร.บ.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กระทงละ 3 ปี 4 เดือน โดยกระทำผิดรวม 871 กระทง จำคุกจำเลยที่ 5, 6, 8, 9 คนละ 2,903 ปี 4 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกตามกฎหมายแล้ว จำคุกสูงสุดคนละ 20 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ประวัติเสี่ยโป้ อานนท์ ทำความรู้จัก เสี่ยโป้ คือใคร

เสี่ยโป้ อานนท์ ตกเป็นที่พูดถึงในโลกโซเชียลอีกครั้ง หลังจากเจ้าตัวไลฟ์สดวินาทีถูกกองปราบบุกจับคดีพนันออนไลน์ มาทำความรู้จักชายคนนี้กัน เสี่ยโป้ อภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือชื่อตามบัตรประชาชนล่าสุดคือ นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ โด่งดังในโลกโซเชียลด้วยเอกลักษณ์นักเลง แบดบอย แต่ใจบุญชอบช่วยเหลือบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก

ซึ่งเวลาเขาไลฟ์สดผ่าน Facebook ก็จะแสดงท่าทางนักเลง ท้าทายชาวบ้านคนนั้นคนนี้ จนเป็นกระแสหลายครั้ง ประกอบกับบุคลิกกวน ๆ ทำให้มีแฟนคลับติดตามมากถึง 1.6 ล้านคน ที่ผ่านมาเขาเคยมีข่าวเสียหายเพียบ อาทิเช่น ถูกจับข้อหาเล่นพนันพร้อม เน วัดดาว, พาพวกบุกสถานีตำรวจเร่งคดีแก๊งงานบวชวัดสิงห์, ท้าชกกง เมืองมิน และอิกคิวซัง ก.รุ่งธนเกียรติ 2 นักมวยชื่อดัง รวมถึงมีเรื่องราวฟาดฝีปากกับคนดังอีกหลายราย ทั้ง มาร์คพิทบูล, มาลีสวยมาก, กานต์ วิภากร ภรรยาเสก โลโซ เป็นต้น

ในขณะที่ข่าวด้านดีของเขาก็ตกเป็นที่พูดถึงเช่นเดียวกัน เพราะเจ้าตัวมักจะนำเงินที่ได้จากการทำธุรกิจออนไลน์ มาแจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ หรือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงในบางครั้งก็มีการลงพื้นที่บริจาคเงิน บริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศไทย จนกระทั่งล่าสุดก็ถูกตำรวจชุดหนุมาน กองบังคับการปราบปราม สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาเล่นการพนันออนไลน์ และสมคบกันให้มีการเล่นพนันออนไลน์ได้คาบ้านพัก

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร